
เตาแม่เหล็กคืออะไร
เตา แม่เหล็กไฟฟ้า หรือเตา เหนี่ยวนำไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้าควบคุมด้วยไมโครชิพ ทำให้สามารถทำงานที่อุณหภูมิต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ดูทันสมัย สวยงาม และเพิ่มความสะดวกสบายอย่างมากในการทำอาหารต่างๆ
เหมาะสำหรับทำอาหารหลากหลายชนิด โดยเฉพาะสุกี้ และยังสามารถใช้ในงานอื่นๆได้ เช่น ผัด ทอด ต้มซุป
เตาแม่เหล็กไฟฟ้า มีระบบตัดไฟ กรณีไฟเกิน (Over current protection) และกรณีมีความร้อนมากเกินไป (Over-heat protection) เพื่อความปลอดภัย
ข้อจำกัด
ต้องใช้สำหรับเครื่องครัวที่ ใช้ได้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น หรือหากไม่ใช้ภาชนะที่ใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า จะมีเสียงเตือนที่เตาและหยุดการทำงานภายในหนึ่งนาที
ภาชนะที่สามารถใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้คือ ภาชนะโลหะพื้นเรียบ เช่น หม้อแสตนเลส ชามซุป กาต้มน้ำพื้นเรียบ หม้อเหล็กเคลือบ และต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 12 ซ.ม. ภาชนะที่ใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ได้คือ อลูมิเนียม แก้ว เซรามิก พาสติก และภาชนะพื้นไม่เรียบ
เตาเหนี่ยวนำ ไฟฟ้า หรือเตาแม่เหล็กไฟฟ้า อาศัยความร้อนจากการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ที่ภาชนะที่เหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ เช่น
เหล็ก หรือเหล็กสเตนเลสบางชนิด อุปกรณ์ ที่ไม่เหนี่ยวนำแม่เหล็ก จะไม่สามารถทำให้เกิดความร้อนได้ เช่นอลูมิเนียม
แก้ว เซรามิค หรือเหล็กสเตนเลสหลายชนิด
เตาแม่เหล็ก ไฟฟ้า ให้พลังงานความร้อนได้รวดเร็วกว่าเตาแบบธรรมดา และสูญเสียพลังงานน้อยกว่า เช่น
ไม่มีความร้อนที่แผ่ไปในอากาศ เหมือนเตาความร้อนทั่วๆไป แต่พลังงานนั้นจะถ่ายทอดไปที่ตัวภาชนะโดยตรง
ที่สำคัญคือความเสี่ยง หรืออันตรายจากการไหม้ ลุกติดไฟ ยังลดลง เพราะเตาได้ความร้อนจริงๆ จากตัวภาชนะอีกที
พลังงานความร้อนเกิดขึ้น มีต้นกำเนิดจากกระแสไฟฟ้าที่ไปสร้างสนามแม่เหล็ก ที่เตาแม่เหล็กไฟฟ้า
ขนาด กระแสไฟฟ้านี้จึงแปรผันตามความร้อนที่เกิดที่ตัวภาชนะ ตามหลักการเปลี่ยนรูปของพลังงาน
ฉะนั้นการควบคุมความร้อนจึงสามารถทำได้ โดยควบคุมขนาดกระแสไฟฟ้า ที่ผ่านไปที่ขดลวดเหนี่ยวนำไฟฟ้า
โดยเพิ่ม หรือลดความต้านทานในวงจร อีกทั้งตรวจจับขนาดกระแสไฟฟ้า ที่ลดต่ำลงกรณียกภาชนะออก เพื่อปิดเตา โดยอัตโนมัติ
แม้ว่า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า มีราคาแพงกว่าเตาขดลวดความร้อนไฟฟ้าทั่วๆไป แต่พลังงานที่ใช้ในการทำความร้อนนั้น ใช้เพียงแค่ครึ่งเดียว โดยเฉพาะ ประสิทธิภาพในการนำพาความร้อนนั้นมีสูงถึง 84% (จากการทดลองของ US Dept of energy) เทียบประสิทธิภาพเพียง 40-50% ของเตาแก๊สความร้อน และเตาขดลวดความร้อน เนื่องความร้อนที่เสียไปที่อากาศรอบๆ โดยไม่ได้ใช้งาน
การสร้างความร้อน
ความร้อนเกิดขึ้นได้ จากสาเหตุ 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจาก magnetic hysteresis ความแม่เหล็กที่เปลี่ยนไปมาจากไฟฟ้ากระแสสลับนั้น
ได้เปลี่ยนเป็น พลังงานความร้อน ที่ก้นภาชนะหุงต้ม ขนาดของความร้อนแปรผันโดยตรงกับพี้นที่ของ hysteresis loop
พลังงานความ ร้อนส่วนนี้มีสัดส่วนประมาณ 7% หรือน้อยกว่าจากความร้อนที่เกิดทั้งหมด
ส่วน ที่สอง หรือส่วนหลักของความร้อน เกิดจากกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้น มีชื่อว่า eddy current ที่เกิดที่ก้นภาชนะ eddy currentg เกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนที่ผ่านไปมาระหว่างแผ่นโลหะที่เหนียวนำแม่เหล็ก ได้ กับสนามแม่เหล็ก จากกฎมือขวาในทางฟิสิกค์ (แรง, สนามแม่เหล็ก, กระแสไฟฟ้า)
ขนาดของ eddy current เมื่อลดต่ำลงเป็น 37% จากค่าเริ่มต้น ขนาดนี้เราเรียกว่า skin depth หาก skin depth มีค่าเป็น ¼ ของความหนาของก้นภาชนะ eddy current นี้จะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นความร้อนทั้งหมด (เกือบ 97%) ที่ฐานก้นภาชนะ ซึ่งความร้อนที่เกิดนี้ จะถูกถ่ายทอดไปยังอาหารเกือบหมด มีส่วนน้อยมากๆ ที่ถ่ายไปยังเตา
สาเหตุหลักๆ ที่ภาชนะอลูมิเนียมไม่สามารถใช้ได้ เพราะ skin depth ของอลูมิเนียมมีค่าสูงประมาณ 12 mm
ซึ่งจะต้องมีภาชนะ หนาประมาณ 48 mm เพื่อทำให้เกิดความร้อนได้
