วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ไฟฟ้ากระแสสลับ


ไฟฟ้ากระแสสลับ


ไฟฟ้า กระแสสลับหมายถึงกระแสไฟฟ้าที่มีการสลับสับเปลี่ยนขั้วอยู่ตลอดเวลาอย่าง สม่ำเสมอ ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า ก็จะเปลี่ยนสลับไปมาจากบวก-ลบและจากลบ-บวก อยู่ตลอดเวลา ซึ่งไฟฟ้ากระแสสลับเป็นไฟฟ้าที่ใช้กันตามบ้านเรือนและโรงงาน อุตสาหกรรมทั่วไปเมื่อเรานำไฟฟ้ากระแสสลับมาเขียนเป็นกราฟความสัมพันธ์ ระหว่างแรงดันไฟฟ้ากับมุมที่เปลี่ยนไปเมื่อเวลาผ่านไปในขณะที่เกิดการไหล ของกระแสไฟฟ้าจะได้ความสัมพันธ์ของกราฟเป็นเส้นโค้งสลับขึ้นลงไปมาซึ่งหมาย ถึงเมื่อเวลาผ่านไปแรงดันไฟฟ้าจะสลับการไหลตลอดเวลา การไหลของกระแสสลับกลับไป กลับมาครบ1รอบ เรียกว่า 1 ไซเคิล (cycle) หรือ 1 รูปคลื่นและจำนวนรูปคลื่น ทั้งหมดในเวลาที่ผ่านไป 1 วินาที เรียกว่า ความถี่(frequency) ซึ่งความถี่ ไฟฟ้ามีหน่วยวัดเป็นรอบต่อวินาทีหรือรูปคลื่นต่อวินาทีหรือไซเคิลต่อวินาที มีหน่วยย่อเป็น"เฮิรตซ์"(Hertz)สำหรับความถี่ไฟฟ้าในประเทศ ไทยเท่ากับ 50 เฮิรตซ์

การกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ


ค่าของแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับจะเกิดขึ้นมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของขดลวดตัวนำขณะหมุนตัดกับเส้นแรงแม่เหล็กในสนามแม่ เหล็กนั้น ถ้าทิศทางการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำตั้งฉากกับเส้นแรงแม่เหล็ก แรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะมีค่าสูงสุดและจะมีค่าน้อยลง เมื่อทิศทางการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำตัดกับเส้นแรงแม่เหล็กในมุมน้อยกว่า 90๐ และจะมีค่าเป็นศูนย์เมื่อขดลวดตัวนำวางขนานกับเส้นแรงแม่เหล็ก






จะเห็นว่าใน 1 วัฎจักรของการหมุนขดลวดตัวนำ คือ หมุนไป 360๐ ทางกลน้ำจะเกิดรูปคลื่นไซน์ 1 ลูกคลื่น หรือ 1 วัฎจักร ถ้าขดลวดตัวนำนี้หมุนด้วยความเร็วคงที่และสภาพของเส้นแรงแม่เหล็กมีความหนา แน่นเท่ากันตลอด รอบพื้นที่ของการตัดแรงดันไฟฟ้าสลับรูปคลื่นไซน์ที่จะมีค่าคงที่และถ้ามีการ หมุนของขดลวดต่อเนื่องตลอดไป จะทำให้เกิดจำนวนรอบของแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำต่อเนื่องกันไป นั่นคือการเกิดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ




ความถี่และคาบเวลาของไฟฟ้ากระแสสลับ

ความถี่ของกระแสสลับ (Frequency ตัวย่อ f) หมายถึง จำนวนวัฏจักรของการเกิดรูปคลื่นไซน์ต่อเวลา 1 วินาที




ถ้าเกิดรูปคลื่นไซน์ 2 วัฏจักรต่อเวลา 1 วินาที ก็แสดงว่าไฟฟ้ากระแสสลับที่เกิดขึ้นมีความถี่ 2 วัฏจักรต่อเวลา 1 วินาที หรือเรียกแทนในหน่วยเฮิรตซ์ (Hz) หรือความถี่ไฟฟ้ากระแสสลับ 50 เฮิรตซ์ ก็คือการเกิดรูปคลื่นไซน์จำนวน 50 วัฏจักรต่อเวลา 1 วินาที และจากรูป 4.2 รูปคลื่นไซน์นี้มีความถี่เท่ากับ 1 เฮิรตซ์ เป็นต้น

ความถี่และคาบเวลาของไฟฟ้ากระแสสลับ

ค่าต่างๆ ที่สำคัญของรูปคลื่นไซน์ นอกจากความถี่และคาบเวลานั้นมีอีก 4 ค่า คือ ค่าสูงสุด(Maximum) ค่ายอดถึงยอด(Peak-to-Peak) ค่าเฉลี่ย(Average) และค่าใช้งาน(Effective)




มุมและความเร็วเชิงมุม

มุมใน 1 วัฏจักรการกำเนิดรูปคลื่นไซน์อย่างสมบูรณ์นั้น ประกอบด้วยจำนวนมุมของการวัดในหน่วยองศารวม 360 องศา แต่ใน 1 รอบวงกลมนั้นเราแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหรือ 4 ควอแดนท์ แต่ละส่วนมีค่ามุมส่วนละ 90 องศา ตามทิศทางของลูกศร ซึ่งแต่ละ90 องศา ก็คือความยาวในแกนนอนของกราฟรูปคลื่นไซน์โดยมีแกนตั้งเป็นแกนบอกขนาด ซึ่งอาจเป็นขนาดของกระแสหรือแรงดันของไฟสลับ






ความเร็วเชิงมุม(Angular Velocity) หรือ (โอเมก้า) หมายถึง จำนวนมุม(ในหน่วยเรเดียน) ที่รัศมีของวงกลมหมุนผ่านไปต่อ 1 วินาที

ค่าสูงสุดกับค่ามิเตอร์

เมื่อนำตัวต้านทานต่อเข้ากับเครื่อง กำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับจะมีกระแส สลับผ่านตัวต้านทานและมีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง ปลายทั้งสองข้าง ของตัวตานทาน



ค่าของปริมาณทั้งสองเปลี่ยนแปลงตามเวลาดังกราฟ






เนื่องจากไฟฟ้ากระแสสลับจะมีค่าเปลี่ยน แปลงตลอดเวลา (t) ดังนั้นในการ เขียนค่าความสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น EMF, ความต่างศักย์ หรือกระแสไฟฟ้าจะอยู่ในความสัมพันธ์ของฟังก์ชัน sine ซึ่งจะเขียนได้ดังนี้





ความสัมพันธ์ระหว่างค่าสูง สุดกับค่ามิเตอร์ หรือ rms


เมื่อป้อนกระแส I = Im sinωt กับความต้านทาน R

กำลังที่เสียไปที่ตัวต้านทาน R เขียนได้เป็น P = I2R

P = [(Im2)sin2ωt] R

P = [(Im2)R] sin2ωt

ดังนั้น จะได้ว่า [(Im2)R] sin2ωt = I2R

เนื่องจากเทอม [(Im2)R] sin2ωt จะมีค่าเป็นบวกตลอดเวลา และมีค่าไม่คงที่

ถ้าเราหาค่าเฉลี่ยใน 1 คาบ จะพบว่าค่าเฉลี่ยของ sin2ωt เท่ากับ 1/2

P = Im2 R (1/2)

ถ้าป้อนกระแสคงที่ผ่านตัวต้านทาน R ให้ได้กำลังเท่ากับกำลังเฉลี่ย จะได้ว่า



V = Vm sin ωt เมื่อ ω = 2Πf
และ I = I
m sin ωt
เมื่อ Vm = ความต่างศักย์สูงสุด
มีหน่วยเป็น โวลต์ (V) Im = กระแสไฟฟ้าสูงสุด มีหน่วยเป็น แอมแปร์ (A)
จากสมการเราได้ว่า V หรือ I คือ
ค่ายังผล หรือค่า มิเตอร์
หรือค่ารากที่สองของค่าเฉลี่ยของกำลังสองของ ความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้า
ใช้ VRMS และ IRMS ซึ่งเป็นค่าที่วัดได้จากเครื่องวัดกระแสสลับและใช้ค่านี้ในการคำนวณ โดยมีความสัมพันธ์ดังนี้
Vm = √2 Vrms
Im = √2 Irms
โดยทั่วไปเครื่องวัดปริมาณต่าง ๆ ของไฟฟ้ากระแสสลับ เช่น ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า จะออกแบบให้วัดค่า rms
เช่น ไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้ตามบ้านเรือนที่เขียนว่า 220 V ค่านี้หมายถึง ค่ายังผล หรือ rms ซึ่งถ้าจะหาค่าสูงสุดก็จะได้เท่ากับ 311V

คุณสมบัติของไฟฟ้ากระแสสลับ

1. สามารถส่งไปในที่ไกล ๆ ได้ดี กำลังไม่ตก
2. สามารถแปลงแรงดันให้สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ตามต้องการโดยการใช้หม้อแปลง (Transformer)


เฟส และมุมเฟส

เฟส (Phase)





เมื่อเขียนกราฟระหว่าง sinωt กับ t จะเรียกตำแหน่งต่าง ๆ บนเส้นกราฟว่า เฟส(phase)
โดยที่ ที่เวลา t = 0 ค่า sinωt มีค่าเป็นศูนย์ จะมีเฟสเท่ากับ ศูนย์
และเมื่อเวลาผ่านไป sinωt มีค่าสูงสุดเป็นครั้งแรก (จุด A) จะมีเฟส เท่ากับ π/2


เฟสนำและเฟสตาม









เมื่อเทียบกับ sinωt แล้วจะมีเฟสตามอยู่ π/2 เรเดียน




เมื่อเทียบกับ sinωt แล้วจะมีเฟสนำอยู่ π/2 เรเดียน

ไฟฟ้ากระแสสลับ - ขดลวดเหนี่ยวนำ

ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ได้แก่ ตัวต้านทาน (R) ตัวเก็บประจุ (C) และขดลวดเหนี่ยวนำ (L)

1.วงจร ตัวต้านทาน (R) เมื่ออยู่ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับที่มีกระแสไฟฟ้า I และมีความต่างศักย์ Vจะมีสมบัติเหมือนกันและคำนวณหาความต้านทาน (R)โดยใช้กฎของโอห์ม




จากกฎของโอห์มและกราฟจะได้ว่า

จึงได้ว่า “ กระแสสลับที่ผ่านตัวต้านทานและความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง ปลาย
ของตัวต้านทานมีเฟสตรงกัน”

2. วงจรตัวเก็บประจุ (C)
เมื่ออยู่ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ที่ มีกระแสไฟฟ้า I และมีความต่างศักย์ Vจะมีสมบัติดังรูป






แสดงว่า กระแสไฟฟ้าในวงจรตัวเก็บประจุจะมีเฟสนำหน้าความต่างศักย์ไฟฟ้าของ ตัวเก็บ ประจุอยู่ 90 องศาในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงกระแสจึง ผ่านไม่ได้ จึงถือว่ามีความต้านทานสูงมากแต่ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ แม้ว่ากระแสจะผ่านไม่ได้ แต่จะมีการเหนี่ยวนำกลับไปกลับมาระหว่างแผ่นโลหะทั้งสองข้างทำให้คล้ายมีกระแสผ่านได้ แต่ตัวของมันจะมีสมบัติต้านการไหลของกระแสไฟฟ้าจึงคล้ายมีความ ต้านทาน ซึ่งเรียกว่า “ความต้านทานเชิงความจุ” (XC) มีหน่วยเป็นโอห์ม



3. วงจรขดลวดเหนี่ยวนำ (L) เมื่ออยู่ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ที่มีกระแสไฟฟ้า I และมีความต่างศักย์ Vจะมีสมบัติดังรูป







แสดงว่า กระแสไฟฟ้าในวงจรตัวเหนี่ยวนำจะมีเฟสตามความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวเก็บประจุอยู่ 90 องศาในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ตัวเหนี่ยวนำจะมีสมบัติต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า จึงคล้ายมีความต้านทาน ซึ่งเรียกว่า “ ความต้านทานเชิงเหนี่ยวนำ” (XL ) มีหน่วยเป็นโอห์ม




การเขียนแผนภาพเฟเซอร์

เป็นวิธีการที่จะช่วยในการรวมค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ โดยการเขียนลูกศรแทนความต่างศักย์ไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้า ให้ความยาวของลูกศรแทนขนาดและตำแหน่งของลูกศรแสดงเฟสเริ่มต้นของปริมาณนั้น


1 ความคิดเห็น:

  1. Best Ways to Make Money With Online Gambling - DRMCD
    The most successful online 사천 출장안마 gambling sites. 강릉 출장안마 Some of the 안성 출장안마 oldest casino apps. Most popular among gamers are the ones 영천 출장샵 that make the gambling more enjoyable. 여주 출장안마

    ตอบลบ